เมืองที่เข้าไปครองที่นั่งอยู่ในใจหลังจาก 6 วัน 5 คืนที่มิ้นต์ได้ใช้ไปกับการทำความรู้จัก ‘มิลาน’ ที่นี่คือเมืองที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 1 ของประเทศอิตาลี และสิ่งที่รอเราอยู่แบบหนำใจก็คือความสนุกอย่างครบรส ทั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ งานสถาปัตยกรรมแสนโอ่โถง มิวเซียมเก๋ ๆ ถนนสายชอปปิ้ง และการรวมฮิตร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านเจลาโต้ บาร์ต่าง ๆ ที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมเมือง
ด้วยเวลาที่เรามีในมิลานเกือบ ๆ 1 สัปดาห์เต็ม ทำให้ทริปนี้มิ้นต์ได้ Explore ทั้งในจุดที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยว และมีเวลาเผื่อไปถึงสปอตที่มีแต่คน Local จ๋า ๆ คอนเทนต์นี้เลยขอสรุปเป็นลิสต์ 25 จุดเช็กอินที่ห้ามพลาดในแบบฉบับของ Travelerspulse กลับมาฝากทุกคน จะมีที่ไหนบ้างนั้น เลื่อนลงไปอ่านต่อด้านล่างได้เลยยย!!
Fly abroad right with Traveloka!
บินอินเตอร์แบบที่ใช่กับ Traveloka
เดินทางไปมิลานครั้งนี้แสนสะดวกและสบายสุด ๆ เพราะมิ้นต์จองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka แพลตฟอร์มที่เป็น One-Stop Service สำหรับนักเดินทางทุกคน เพราเราสามารถกดจองได้ทั้งตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว รวมไปถึงบริการเสริมอย่างประกันการเดินทางและอื่น ๆ ได้ครบจบในที่เดียวเลย โดยเฉพาะการจองตั๋วเครื่องบินไฟลต์ต่างประเทศ Traveloka ก็อำนวยความสะดวกได้ดีมาก ๆ ครบทั้ง 3 ด้านนี้เลย:
- Budget Friendly – เปรียบเทียบราคาไฟลท์อย่างง่าย ๆ ทำให้ได้เที่ยวบินราคาถูก (ใจ) พร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้มและส่วนลดที่มีมาให้อยู่ตลอด
- Favorite Airlines – รวมมิตรสายการบินที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นแบบ Full Service หรือแบบ Budget Airlines ก็มีให้เลือกครบถ้วนบนแพลตฟอร์มของ Traveloka
- Refund Guarantee – เปลี่ยนใจ ไม่บินก็คืนเงิน เมื่อจองเที่ยวบินพร้อมการันตีเงินคืน ถ้าเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ทริปต้องยกเลิกจริง ๆ ก็อุ่นใจ เพราะสามารถรับเงินคืนได้เต็มจำนวน
บินอินเตอร์แบบที่ใช่กับ Traveloka! ทริปต่อไป เตรียมกดจองตั๋วราคาถูก (ใจ) ได้เลยผ่านแอปพลิเคชั่น Traveloka หรือเว็บไซต์ www.traveloka.com และอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามลิสต์ด้านล่างนี้:
- จองตั๋วเครื่องบินไปมิลาน กับ Traveloka Travel & Lifestyle Superapp >> https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Milan.MILA
- เช็คมาตรการสนามบินก่อนเดินทางไปมิลาน กับ Traveloka Travel & Lifestyle Superapp ได้ที่นี่ >> https://www.traveloka.com/th-th/flight/safe-travel
- ตามไปอ่านบทความท่องเที่ยวต่างประเทศ กันได้ที่นี่ >> https://www.traveloka.com/th-th/flight/travel-global
1 | Duomo di Milan
Location: https://bit.ly/3RMd5f5
ขอเริ่มต้นด้วยแลนด์มาร์กที่เป็นงานสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าประจำเมืองมิลานกันก่อนเลย ชื่อในไทยเต็ม ๆ ของที่นี่คือ “อาสนวิหารแห่งมิลาน” เป็นโบสถ์คาทอลิกที่ถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมในสไตล์โกธิคที่ใหญ่มาก ๆ แห่งหนึ่ง ใช้เวลาสร้างมากกว่า 190 ปี และเป็นโบสถ์ที่มีขนาดสามารถจุคนได้ 40,000 คนเชียวนะ
ส่วนที่เปิดเข้าชมจะแบ่งเป็น Rooftop เปิดทุกวัน 09.00-17.00 น. / Duomo Museum เปิดวันพฤหัสบดี-วันอังคาร 10.00-19.00 น. แนะนำให้จองบัตรเข้าชมล่วงหน้าทางเว็บไซต์ https://ticket.duomomilano.it/en/ เพราะคิวซื้อตั๋วค่อนข้างยาว และควรเข้าชมในสองจุดเพื่อให้ครบรสชาติของการได้มาเยือน Duomo di Milano แห่งนี้
จากบนรูฟท็อปของโบสถ์ ทางเดินจะพาเราเดินวนไปรอบ ๆ จากระเบียงชั้นบนสุดขึ้นไปถึงหลังคาโบสถ์จริง ๆ นอกจากจะเห็นดีเทลของงานแกะสลักที่ประณีตมาก ๆ แบบใกล้ชิดแล้ว จากบนนี้ยังเป็นจุดชมวิวเมืองที่สวยมาก ๆ แห่งหนึ่งอีกด้วย
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการขึ้นมาเดินชมรูฟท็อปคือเวลาสาย ๆ ประมาณ 08.00-09.00 นอกจากจะเป็นเวลาที่นักท่องเที่ยวยังไม่ได้เยอะมากแล้ว อุณหภูมิของแสงยังอุ่น ๆ กำลังดีอีกด้วย
เมื่อชมรูฟท็อปเสร็จเรียบร้อย ทางเดินจะลีดเรามา Detour ที่บริเวณด้านในของมหาวิหาร ซึ่งเป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนาที่วำคัญของเมืองมิลาน งานแกะสลักที่หัวเสาและงานกระจกสีตระการตามาก ๆ ส่วนกฎสำหรับเข้าชมจุดนี้ก็คือจะต้องใส่เสื้อผ้าสุภาพ สำหรับผู้หญิงต้องคลุมไหล่เท่านั้น ซึ่งถ้าบังเอิญแขนกุดไป ทางออฟฟิศขายบัตรเค้าก็มีขายเสื้อคลุมกระดาษด้วยนะ ราคาอยู่ที่ตัวละ 5 ยูโร
2 | Galleria Vittorio Emanuele II
Location: https://bit.ly/3ROTniJ
ช็อปปิ้งพลาซ่าใต้หลังคากระจกที่อยู่ด้านข้างของ Duomo di Milan เริ่มต้นด้วยถนน 4 สายและจบด้วยลานตรงกลางภายใต้โดมกระจก ที่นี่คือหนึ่งในถนนช็อปปิ้งสาย High End ที่มีประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19
ภายในไม่ได้มีเพียงแค่ร้านค้าของแบรนด์ใหญ่ ๆ อย่าง Prada หรือ Dior แต่มีร้านอาหาร บาร์ และร้านเจลาโต้ด้วย ไม่จำเป็นต้องมาช็อป เราก็สามารถมาเดินเล่นถ่ายรูปที่นี่ได้เพลิน ๆ
3 | Camparino in Galleria
Location: https://bit.ly/3DozkmZ
บาร์สุดหรูของแบรนด์ Campari ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1915 ที่นี่นักดื่มทุกคนจะได้ลองลิ้มชิมรสกับค็อกเทลสูตรต้นตำรับที่มี Campari เป็นส่วนประกอบ อย่าง Negroni, Americano หรือเมนูที่ครีเอทมาเสิร์ฟแบบพิเศษที่บาร์แห่งนี้ที่เดียว อย่าง Campari Spritz และอื่น ๆ อีกมากมาย คอค็อกเทลถ้ามาถึงมิลานแล้ว ก็ต้องแวะมาเจิมที่นี่แบบห้ามพลาดเลย
ตัวบาร์ชวนตระการตามาก ๆ แค่เข้ามาอยู่ในนี้ก็เหมือนได้ Travel back in time แล้ว ที่นั่งทั้งหมดจะจัดอยู่ที่ด้านนอก ซึ่งจากจุดนี้เราจะสามารถเห็นวิวเป็น Galleria และผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาประกอบการจิบค็อกเทลเลย
4 | Santa Maria delle Grazie
Location: https://bit.ly/3DpbO9v
โบสถ์สไตล์เรเนซองส์ที่มีรูปลักษณ์ที่ค่อนข้างแตกต่างจากที่อื่น ๆ ด้วยโครงสร้างที่เป็นอิฐสีแดง ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น World Heritage โดย UNESCO และความพิเศษอีกหนึ่งอย่างคือเป็นที่ ๆ เก็บรักษาภาพ The Last Supper ของลีโอนาร์โด ดาวินชี เอาไว้ด้วย
การเข้าชมด้านในจะมีค่าเข้าชมอยู่ที่ 15 ยูโร ซึ่งจะต้องจองบัตรล่วงหน้าอย่างน้อยเป็นเดือน ๆ เลย เพราะฉะนั้นใครที่ตั้งใจแล้วว่าอยากมาชมโครงสร้างของโบสถ์และภาพ Masterpiece ของดาวินชี แนะนำให้เข้าไปเช็กรายละเอียดหน้าเว็บไซต์ https://cenacolovinciano.vivaticket.it/index.php ตั้งแต่เนิ่น ๆ เลย
5 | Terra Gelato
Location: https://bit.ly/3LiLLCz
ร้านเจลาโต้ที่มิ้นต์ได้รู้จักผ่านทาง Vlog ของ YouTuber ชาวต่างชาติคนนึง เค้าบอกว่าเจลาโต้ที่นี่คือหนึ่งในเจลาโต้ที่ดีที่สุด และรสชาติที่ห้ามพลาดเลยก็คือ Salted Pistachio ได้ยินดังนั้นเราก็เลยมาตามรอยแบบไม่พลาดเหมือนกัน
แค่เห็นรสชาติต่าง ๆ หน้าตู้ ใจก็เรียกร้องแล้วว่าจัดสกู๊ปใหญ่ไปเลย ความดีงามคือไอศครีมของที่นี่ปั่นสด ๆ ที่ร้านเลย จะมีห้องกระจกทางด้านขวามือที่เป็นเหมือนโรงงานเล็ก ๆ เราก็จะสามารถเห็นกรรมวิธีที่ Terra Gelato ใช้ในการผลิตเจลาโต้แสนอร่อย ใช้วัตถุดิบเน้น ๆ เลยล่ะ ส่วนรส Salted Pistachio ประทับอยู่ในใจจริง ๆ เราได้ชิมครั้งแรกแล้ววันต่อไปก็คืออยากกลับไปซ้ำเลยทันที
6 | Starbucks Reserve Roastery Milano
Location: https://bit.ly/3LoRKWD
เปิดให้บริการช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2018 ที่นี่คือ Starbucks ที่เป็นแฟลกชิปสโตร์ ใหญ่ที่สุดในมิลาน ด้านในมีทั้งโรงคั่ว มีบาร์กาแฟ บาร์ค็อกเทล รวมไปถึงครัวร้อนที่เสิร์ฟทั้งพิซซ่า พาสต้า และเพสตรี้ต่าง ๆ ครบครันในสาขาเดียวเลย
และด้วยความที่เป็นแฟลกชิปสโตร์ ที่นี่เลยมีนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาเยี่ยมอยู่ตลอด บางเวลาอาจจะต้องรอคิวกันสักหน่อย แต่เวลาเปิดให้บริการก็ยิงยาวตั้งแต่ 07.30-22.00 น. ทุกวันเลยนะ
7 | Venchi Cioccolato e Gelato
Location: https://bit.ly/3eWgOIB
Website: https://it.venchi.com/
ร้านช็อกโกแลตและเจลาโต้ที่เป็นแบรนด์เก่าแก่ เสิร์ฟความอร่อยมาตั้งแต่มี 1878 และมีสาขาอยู่ทั่วทั้งอิตาลี มาถึงที่มิลานแล้ว เจลาโต้ก็คือ The Must และมิ้นต์ก็พยายามที่จะเก็บร้านต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด ซึ่งไอศครีมของ Venchi ก็ขึ้นชื่อเลยว่ารส Dark Chocolate อร่อยมาก ๆ และก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ เพราะมันทั้งอร่อย รสชาติเข้มข้น สะใจเรามาก ๆ ใครแวะมาขอให้ได้ลองชิมกัน!
8 | Sforzesco Castle
Location: https://bit.ly/3BLeME8
ปราสาทจากยุคกลางที่มีประวัติศาสตร์คู่กับเมืองมิลานมาอย่างยาวนานตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 15 เป็นต้นมา ในปัจจุบันทำหน้าที่เป็นทั้งมิวเซียม มี Guided Tour สำหรับคนที่อยากเรียนรู้ประวัติของที่นี่ให้มากขึ้น และเป็นทั้ง Public Area ให้คนทั่วไปทั้งชาวมิลาโนและนักท่องเที่ยวมาใช้พื้นที่ได้ด้วย
ในช่วงศตวรรษที่ 16-17 ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นปราสาทที่มีพื้นที่กว้างขวางมากที่สุดในยุโรปด้วยนะ ตามจุดต่าง ๆ ก็จะมีสถาปัตยกรรมที่งดงามให้เราได้ชื่นชมอยู่เรื่อย ๆ เลย เป็นอีกหนึ่งที่ในมิลานที่ไม่ควรพลาด
9 | Sempione Park
Location: https://bit.ly/3LjcbEr
เดินต่อมาจากปราสาทจะมีสวนสาธารณะที่ชื่อว่า Sempione Park ตั้งอยู่ เป็นสวนที่มีขนาดใหญ่มาก และถูกขนาบข้างด้วยแลนด์มาร์กสำคัญทั้ง 2 ด้าน ที่นี่คือพื้นที่สีเขียวที่สำคัญภายในตัวเมืองมิลาน และเป็นสถานที่สำหรับการแฮงก์เอาต์ของชาวเมืองในวันอากาศดี บรรยากาศโดยเฉพาะในช่วงซัมเมอร์จะคึกคักเป็นพิเศษ
10 | Arco della Pace
Location: https://bit.ly/3qH8Khe
จากปราสาท ผ่านสวนสาธารณะ มายังอีกฝั่งหนึ่งที่เป็นที่ตั้งของ Arco della Pace หรือที่แปลว่าประตูโค้งแห่งสันติภาพ สร้างในช่วงต้นของศตวรรษท่ี 19 โดยสถาปนิกที่ชื่อว่า Luigi Cagnola ที่นี่คือหนึ่งในมาสเตอร์พีซและเป็นงานหินอ่อนชิ้นใหญ่ที่เป็นสมบัติล้ำค่าของมิลานเลยล่ะ
11 | Pizzeria Gino Sorbillo
Location: https://bit.ly/3DuZGUw
ร้านพิซซ่าที่ติดการจัดอันดับ Best Pizzeria ในมิลานโดยเว็บไซต์ Timeout มีต้นกำเนิดมาจากเมืองนาโปลี และสาขานี้ที่มิ้นต์ได้ไปชิมจะอยู่ใกล้ ๆ กับ Duomo เลย หน้าร้านเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นที่แวะมาเติมพลังกันกับมื้อกลางวันของที่นี่
รูปโฉมด้านในของร้าน Gino Sorbillo กับบรรยากาศสุดโมเดิร์น เดินเข้าไปในร้านก็จะเห็นโดมเตาอบพิซซ่าขนาดใหญ่ กับกลิ่นหอมของพิซซ่าที่ฟุ้งมาเลย
ส่วนเมนูพิซซ่าที่นี่มีให้เลือกหลากหลายมาก ๆ จุดเด่นก็คือแป้งโดที่อบออกมาแล้วหนึบหนับ รสชาติเข้มข้นและท็อปปิ้งใส่ให้แบบแน่น ๆ เลย มีทั้งพิซซ่าสไตล์นโปเลียนแบบดั้งเดิมตามถิ่นกำเนิดของร้าน และเมนูครีเอทีฟที่หลากหลาย ถ้ามาสองคน เค้าจะเสิร์ฟแบบแบ่งครึ่งถาดให้แบบนี้เลย
12 | CityLife
Location: https://bit.ly/3dmf8aL
Development ที่เขยิบจากโซนเมืองเก่าของมิลาน บริเวณนี้จะประกอบไปด้วยทั้งอาคารสำนักงานของบริษัทใหญ่ ๆ ที่สูงตระหง่าน มีคอนโดหน้าตาโมเดิร์นและห้างสรรพสินค้าอยู่ด้วย
ตึกต่าง ๆ ที่อยู่ในเขต CityLife เหมือนสร้างมาเพื่อเข้าโครงการประกวดงานดีไซน์ทั้งนั้น หน้าตาสุดเจ๋ง เป็นมิลานอีกฟีลนึง ต่างจากแถว ๆ Duomo เลย และเป็นสปอตที่คน Local มาแฮงก์เอาต์กันในช่วงวันหยุดด้วย
13 | Coloris
Location: https://bit.ly/3LgVedL
ไฮไลท์สำคัญของการมาเที่ยวแถว CityLife ของมิ้นต์ นอกจากจะมาดูบรรยากาศของแถวนี้แล้ว เจ้าเสาสี ๆ ที่เป็น Art Installation ตรงนี้นี่ล่ะที่ทำให้เราต้องนั่งรถไฟกว่า 20 นาทีมาหา
ชื่อผลงานคือ Coloris ออกแบบโดยศิลปินที่มีชื่อว่า Pascale Marthine Tayou ชาวแคเมอรูน สีสันสดใสมากกก ถ้าใครกำลังมองหาจุดที่เป็น Instagram Worthy ที่นี่ก็คือหนึ่งในนั้น
14 | All’Antico Vinaio
Location: https://bit.ly/3BJByfm
ร้านปานินี หรือแซนด์วิชสไตล์อิตาเลียนที่ทุกคนต้องมาต่อคิวรอชิมความอร่อยของเค้า ตัวร้านมีต้นกำเนิดในเมืองฟลอเรนซ์และขยายสาขามาเปิดหน้าร้านเพิ่มที่มิลานด้วย สาย Foodie ทุกคนแนะนำเลยว่าต้องมาลองให้ได้นะ ไม่งั้นเสียเที่ยว!
ทางร้านมีเมนูที่เป็นครีเอชั่นแบบสำเร็จรูปนำเสนอให้ แต่ถ้าใครอยากจะ Custom Made ก็สามารถจิ้มไส้ปานินีได้เช่นกัน พี่ชายที่ประกอบร่างแซนด์วิชให้เราบอกเอาไว้ว่าสิ่งที่เรากำลังจะได้ชิมคือแซนด์วิชที่อร่อยที่สุดในโลกเลย
ไม่ได้โม้จริง ๆ เพราะมัน อร่อย มาก ทุกคนนนน มิ้นต์เลือกไส้ที่มี Mortadella (แฮมชิ้นบางพร้อมถั่วพิสตาชิโอ) ครีมชีส และเพสต์พิสตาชิโอ อร่อยแบบมากที่สุดในสามโลกและชิ้นใหญ่เกินความสามารถของกระเพาะไปอีกด้วย
15 | Crema Alta Gelateria
Location: https://bit.ly/3DucryA
แบรนด์เจลาโต้ที่มีจุดเริ่มต้นขึ้นที่มิลาน บนถนน Piazza Napoli 15 และขยับขยายสาขาคลุมทั่วเมือง โดยแต่ละร้านจะมีรสชาติให้ได้ลองชิมมากกว่า 70 รส และคอนเซปต์ของเค้าคือการที่เราจะได้ตกหลุมรักกับเจลาโต้ตั้งแต่คำแรกที่ได้ชิม
สาขาที่มิ้นต์ไปจะอยู่ใกล้ ๆ กับ CityLife เลย หน้าตาร้านน่ารักมาก และที่น่าสนใจคือวิธีในการสั่งเจลาโต้ของที่นี่ ส่วนใหญ่แล้วจะให้เลือกไซส์ก่อน หลังจากนั้นจะใส่กี่รสชาติ ก็สามารถบอกพี่พนักงานได้เลย
ในตู้เจลาโต้มาพร้อมกับรสชาติให้เลือกมากกว่า 70 รส ที่มิ้นต์ติดใจก็คือรสผลไม้ตามฤดูกาลของที่นี่ อย่างช่วงซัมเมอร์ก็จะเป็นเวลาของลูกพีช แอปเปิ้ล เบอร์รี่ต่าง ๆ ชิมคำแรกแล้วเราก็หยุดไม่ได้อีกเลยหลังจากนั้น
16 | Fondazione Prada
Location: https://bit.ly/3BK5RCA
พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1995 โดย Miuccia Prada และ Patrizio Bertelli เจ้าของแบรนด์ Prada ที่นี่มีเป้าหมายในการเป็นพื้นที่แห่งความสร้างสรรค์และจัดแสดงผลงานแนว Contemporary และ Modern Art ให้กับมิลาน โดยมีอาณาเขตกว้างขวางสุด ๆ
แต่ละจุดมีแต่ความอาร์ต ตั้งแต่สถาปัตยกรรมของตัวอาคาร และการปรับพื้นที่ทั้งหมดที่เคยเป็นโรงกลั่นสู่มิวเซียมแสนชิค
อาคารนิทรรศการหลัก ๆ จะมีอยู่ทั้งหมด 2 ตึกด้วยกัน ซึ่งหลังจากซื้อบัตรเข้าชมแล้ว ในอาคารเดียวกันนี้ จะมีนิทรรศการขาจรที่จัดแสดง เวียนผลงานของศิลปินไปทุก ๆ 6-7 เดือน
ในอีกตึกใหญ่จะเป็น Permanent Exhibition ของ Fondazione Prada มีห้องจัดแสดงผลงานกระจายในตัวตึกทั้งหมด 8 ชั้น และอีก 2 ชั้นเป็นพื้นที่ของร้านอาหาร สามารถใช้เวลาเกือบทั้งวัน ค่อย ๆ เดินดูงานแบบเพลิน ๆ ที่นี่ได้เลย
มีงานเจ๋ง ๆ ที่เปิดโลก เปิดไอเดียให้ชมเยอะเลย และหลาย ๆ ผลงานก็เป็น Interactive Art ที่ให้เราเข้าไปมีส่วนร่วมมากกว่าแค่การชมงานด้วยสายตาอย่างเดียวด้วย ใครที่ชอบงานศิลปะและดีไซน์ เราว่าห้ามพลาดที่จะมาเยี่ยมที่นี่นะ
17 | Bar Luce
Location: https://bit.ly/3eXETPf
คาเฟ่และบาร์ประจำตัวมิวเซียมที่มาพร้อมกับความเก๋และน่ารักไม่เหมือนใครจนเพื่อนชาวฝรั่งเศสที่แวะมาเที่ยวมิลานบ่อย ๆ บอกมิ้นต์ว่าเธอจะต้องชอบมาก ๆ ที่นี่คือที่ของเธอ
ตัวบาร์แฝงไปด้วยกลิ่นอายเรโทร ที่นี่มีทั้งกาแฟ เครื่องดื่ม ขนม และ Aperitivo หรือกับแกล้มประกอบการดื่มให้บริการ
ส่วนดีเทลการตกแต่งจะแฝงความกุ๊กกิ๊ก ทั้งการใช้โทนสี และการมีพรอพที่ใช้งานได้จริงอย่าง Jukebox หรือตู้เกมจากอาร์เคดยุค 90 มาตั้งไว้ สมฐานะการเป็นคาเฟ่และบาร์ประจำ Fondazione Prada ที่สุด
18 | Brera District
Location: https://bit.ly/3DtIzCg
ย่านหนึ่งในมิลานที่รักษา Facade ของตัวเมืองที่สวยที่สุดเอาไว้ แถวนี้จะเป็นที่ตั้งของโรงแรม 5 ดาวสุดหรู ร้านเครื่องหนัง บูธิคของแฟชั่นแบรนด์เก๋ ๆ และร้านอาหารกระจายตัวอยู่โดยรอบ
พื้นถนนที่ปูด้วยหินกรวดประกอบกับสีของตัวตึกโทนเหลือง ๆ ส้ม ๆ ให้ความรู้สึกเป็นเมืองยุโรปเปียนที่แท้ทรู เป็นส่วนหนึ่งของเมืองมิลานที่ Photogenic และบรรยากาศงดงามที่สุดเลยล่ะ
19 | Salsamenteria di Parma
Location: https://bit.ly/3Bkfy9E
หนึ่งในร้านอาหารที่เด่นเรื่อง Cold Cuts แฮมและไส้กรอกชนิดต่าง ๆ จากเมืองพาร์มา ส่งตรงถึงมิลาน บรรยากาศมีความเป็นฟาร์มเฮ้าส์ที่พาเราออกจากเมืองใหญ่ไปสักครู่ แล้วเอนจอยกับของดีของอร่อยที่ผลิตจากฟาร์ม
เมนูที่มิ้นต์ได้ชิมไปทั้งหมด Burrata สดมาก ๆ ส่วนลาซานญ่าก็คืออร่อยสมความร่ำลือ ความน่ารักอีกอย่างคือวิธีการเสิร์ฟไวน์ของที่นี่จะเทใส่ชามมาให้ ซึ่งเป็นธรรมเนียมของทางร้าน
20 | Eataly
Location: https://bit.ly/3Dux25V
พามาชมซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อดังกันบ้าง Eataly คือที่ ๆ คัดสรรของดีจากทั่วประเทศอิตาลีมาให้เลือกช็อป ครบจบในที่เดียว
ด้านในมีทั้งหมด 4 ชั้น ซึ่งสินค้าที่วางขายที่นี่มีตั้งแต่หมวดแยม ขนมปัง แฮม ชีส ไปจนถึงเส้นพาสต้า ทรัฟเฟิลออยล์ และไวน์หลากชนิดเลย นอกจากโซนซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว ชั้น 3 ยังเป็นร้านอาหาร ส่วนชั้น 4 ก็มีโรงเรียน Cooking School เล็ก ๆ อีกด้วย
21 | Bosco Verticale
Location: https://bit.ly/3BkRd3p
ตึกที่โด่งดังในด้านของการเป็นต้นแบบสถาปัตยกรรมโมเดิร์นที่แทรกพื้นที่สีเขียวแนวตั้งไว้ในทุกอณูของตัวตึก รอบ ๆ เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ สามารถแวะมาเดินเล่นแบบเพลิน ๆ ปล่อยจอยกันได้
22 | Corso Como
Location: https://bit.ly/3dek81b
ร้าน Selected Shop ที่ไม่ได้เป็นจุดหมายสำหรับขาช็อปเท่านั้น แต่ด้วยความชิคและพื้นที่ที่ถูกใช้เป็น Restaurant & Bar ด้วย ที่ Corso Como เลยกลายเป็นสปอตแฮงก์เอาต์สุดชิคที่หนึ่งในมิลานไปเลยด้วย
บรรยากาศด้านในช็อปที่เลือกแต่ละ Label ของดีไซเนอร์สุดเจ๋งมารวมกันเอาไว้ ส่วนบาร์และร้านอาหารที่อยู่อีกโซนก็ชิคไม่แพ้กัน
23 | Navigli
Location: https://bit.ly/3Sb7yi3
ปิดท้ายด้วยแหล่งแฮงก์เอาต์ของชาว Night Life ประจำมิลาน ที่นี่คือคลอง Navigli กับสองฝั่งข้างทางที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและบาร์ คึกคักในช่วงเย็นมาก ๆ
หนึ่งในธรรมเนียมของย่านนี้คือเป็นที่ ๆ ทุกคนจะมาทานมื้อที่เรียกว่า Aperitivo หรือการดื่มดริงก์แกล้มกับของทานเล่นจานเล็ก ๆ ช่วง 5-6 โมงเย็นเป็นต้นไปเลยเป็น Prime Time ของบริเวณเลียบคลอง Navigli แห่งนี้ รันยาวไปถึงปาร์ตี้ช่วงดึกเลย
24 | Luca e Andrea
Location: https://bit.ly/3BioMDf
ร้านอาหารที่กลายเป็นร้านโปรดของเราประจำทริปนี้ ที่นี่ขายอาหาร Milanese แบบดั้งเดิมสุด ๆ เป็นจานที่หาทานไม่ได้ถ้าไม่ได้มาเที่ยวมิลานจริง ๆ นะ อร่อยและให้เยอะทุกเมนู
โคลด์คัทแพลตเตอร์เสิร์ฟพร้อมกับแยมหัวหอม เข้ารสกันอร่อยมาก ส่วนจานหลักจะเป็น Gnocchi กับ Risotto พร้อมสตูเนื้อ อิ่มอร่อยที่สุด
25 | Worldhotel Cristoforo Colombo
Location: https://bit.ly/3BHMrON
Website: https://bit.ly/3QNJ39A
ปิดท้ายด้วยที่พักของมิ้นต์ประจำทริปนี้ WorldHotel Cristofero Colombo คือโรงแรมสุดหรูที่อยู่บนทำเลที่เริ่ดสุด ๆ เดินออกมาปุ๊บ ด้านหน้าคือทางเข้าสถานีรถไฟเลย เลี้ยวซ้ายเป็นถนนสายชอปปิ้ง ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ซูเปอร์มาร์เก็ต ทุกอย่างรวมตัวกันอยู่บริเวณนี้ สามารถไปถึงได้ภายในไม่กี่ก้าว
ทั้งดีไซน์สวย ห้องพักใหม่และสะอาด สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และเซอร์วิสเพียบพร้อม ทุกอย่างเพอร์เฟกต์ไปหมดและทำให้ทริปนี้สมบูรณ์แบบเพราะได้ที่พักที่สะดวกและสบายอย่างที่นี่ อ่านรีวิวเต็ม ๆ ต่อได้ในบทความนี้เลยยย >> www.travelerspulse.com/worldhotel-cristoforo-colombo-milan
